วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ทำไมภาษีเหล้าถึงเก็บตามปริมาณแอลกอฮอล

 ภาษีเหล้าที่เก็บตาม ปริมาณแอลกอฮอล์ (Alcohol by Volume - ABV) แทนที่จะเก็บตามราคาหรือปริมาณขวด เป็นแนวทางที่ใช้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ด้วยเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้:


✅ เหตุผลที่เก็บภาษีเหล้าตามปริมาณแอลกอฮอล์:

1. ควบคุมผลกระทบต่อสุขภาพ

  • ยิ่งเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์สูง → ยิ่งมีโอกาสก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น โรคตับ ความดัน หรืออุบัติเหตุ

  • การเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์เท่ากับว่า แอลกอฮอล์ = ภาระต่อสังคม → จึงต้องเสียภาษีมากขึ้นตามความเข้มข้น

2. กระตุ้นการบริโภคอย่างรับผิดชอบ

  • เหล้าแรง (เช่น เหล้าขาว 40 ดีกรี) จะเสียภาษีมากกว่าเบียร์หรือไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ

  • วิธีนี้ช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคเลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบา ๆ แทนการดื่มเหล้าแรง

3. ลดการบิดเบือนตลาด

  • หากเก็บภาษีตาม "มูลค่า" อย่างเดียว เหล้าราคาแพงอาจเสียภาษีมากกว่าเหล้าถูกที่มีแอลกอฮอล์สูงกว่า ซึ่งไม่เป็นธรรม

  • การใช้หลัก “เก็บตามปริมาณแอลกอฮอล์” จึงสะท้อน ต้นทุนทางสังคม ได้แม่นยำกว่า

4. ง่ายต่อการควบคุมและตรวจสอบ

  • แอลกอฮอล์สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือแม่นยำ

  • ทำให้รัฐสามารถตรวจสอบปริมาณจริงได้ ลดการหลีกเลี่ยงภาษี


🧾 ตัวอย่าง (ในระบบสรรพสามิตของไทย):

  • รัฐจะเก็บภาษีจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยคำนวณทั้ง:

    • จากปริมาณแอลกอฮอล์ (บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์)

    • และจากราคาขายปลีกแนะนำ (เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย)

  • แล้วนำ ค่าที่มากกว่า มาใช้เป็นเกณฑ์จัดเก็บจริง